นายแพทย์นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถานบันวัคซีนแห่งชาติ เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติว่า 2 เรื่องสำคัญที่ที่ประชุมฯ พิจารณาและมีมติออกมา คือ
1.กรอบการจัดหาวัคซีนโควิด 19 ในปีหน้า 2565 แก่ประชาชน อีก 120 ล้านโดส โดยคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ให้หาทั้งวัคซีนรูปแบบ mRNA ไวรัลเวกเตอร์ ซับยูนิตโปรตีน และรูปแบบอื่นๆ ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ระบาด จำนวนซับพลายของวัคซีนและให้คำนึงต่อวัคซีนที่ตอบสนองต่อการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสที่จะมีขึ้นต่อไป โดยให้มีการจัดหาให้เพียงพอ ให้กับประชากรผู้ที่ยังเข้าไม่ถึงวัคซีน และเป็นการฉีดเพิ่มเติมกรณีต้องได้รับการกระตุ้นภูมิคุ้มกันในปีถัดไป รวมทั้งสำรองวัคซีนไว้ใช้ในกรณีที่เกิดการระบาดด้วย
นอกจากนี้ ยังมีมติให้กรมควบคุมโรคและสถาบันวัคซีนแห่งชาติ เร่งจัดหาวัคซีนสำหรับปี 2564 นี้ ให้ได้ตามเป้าหมาย 100 ล้านโดส
เรื่องที่ 2. คือการพิจารณาตัวร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข ภายใต้ ม.18 แห่ง พ.ร.บ.ความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ.2561 ในการกำหนดสัดส่วนการส่งออกวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ไปนอกราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ซึ่งที่ประชุม ได้อภิปรายเรื่องนี้อย่างกว้างขวาง พิจารณาทั้งผลกระทบและความเป็นไปได้ รวมทั้งองค์ประกอบอื่นๆ ที่ต้องพิจารณาต่อไปข้างหน้า จนมีเห็นชอบในหลักการ ที่จะให้มีการออกประกาศนี้ โดยมอบให้ฝ่ายเลขานุการ คือ สถาบันวัคซีนแห่งชาติและกรมควบคุมโรคพิจารณาทบทวน ในเนื้อหาของร่างประกาศนี้ ทั้งผลกระทบและประโยชน์ด้านต่างๆที่ จะมีต่อประเทศและของพี่น้องประชาชนเป็นหลัก ให้พิจารณาให้รอบคอบ และให้ไปเจรจาอย่างเต็มที่กับผู้ผลิตวัคซีนเพื่อให้ส่งวัคซีนให้กับประเทศไทย ในจำนวนวัคซีนที่เหมาะสมกับสถานการณ์ระบาดของโรคภายในประเทศไว้ก่อน เมื่อได้ผลประการใดให้รายงานกลับมาที่ประชุมคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ เพื่อให้ที่ประชุมฯ ได้เห็นชอบกับร่างประกาศนั้นต่อไป