“บราเดอร์”เห็นสัญญาณบวกหลังเปิดประเทศ ชี้‘ทำไมต้องใช้ของแท้’

คุณธีรวุธ ศุภพันธุ์ภิญโญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา บราเดอร์ มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 6% และคาดว่าจะมีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มสูงขึ้นภายหลังจากที่ไทยเริ่มดำเนินการเปิดประเทศตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ทำให้เม็ดเงินเกิดการไหลเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการกลับมาของกำลังซื้อทั้งในและต่างประเทศซึ่งส่งผลดีให้แก่ธุรกิจไอทีด้วยเช่นกัน เพราะกำลังซื้อมีความมั่นใจและกล้าที่จะจับจ่ายยิ่งขึ้นปัจจุบัน บราเดอร์มีฐานลูกค้าหลักรวม 3 กลุ่ม โดย 50% เป็นกลุ่มธุรกิจ SME, 30% เป็นกลุ่มลูกค้าองค์กร (Corporate) และ 20% เป็นกลุ่มลูกค้าครัวเรือน (Home use) โดยช่วง COVID-19 บราเดอร์สามารถสร้างความแข็งแกร่งในกลุ่มลูกค้าครัวเรือนเพิ่มมากขึ้นจากไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปสู่การทำงานแบบ work from home และการเรียนผ่านระบบออนไลน์

สำหรับกลุ่มธุรกิจไอที ปัจจุบันพบว่าความต้องการในตลาดยังมีสูงกว่าซัพพลายอยู่พอสมควร เนื่องจากปัญหาเรื่องการขาดแคลนชิ้นส่วนในการผลิตซึ่งส่งผลโดยรวมต่อทั้งอุตสาหกรรมไอทีและอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่จำเป็นต้องใช้ชิ้นส่วนดังกล่าว โดยคาดการณ์ว่าตลาดจะกลับเข้าสู่ดุลยภาพได้เร็วสุดประมาณกลางถึงปลายปี 2565 จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้บราเดอร์ปรับกลยุทธ์ทางการตลาด หันมาเพิ่มยอดขายในกลุ่มผลิตภัณฑ์ non-print ทั้งเครื่องพิมพ์ผ้า เครื่องพิมพ์ฉลาก  จักรเย็บผ้า ฯลฯ และที่ถือเป็นกลยุทธ์ใหม่ที่ต้องการมุ่งเน้นคือการเพิ่มยอดขายในกลุ่มวัสดุการพิมพ์ (Consumable)   

บราเดอร์ รุกขยายฐานกลุ่มธุรกิจ non-print

บราเดอร์ สั่งนำเข้าจักรกึ่งอุตสาหกรรมรุ่น PQ1500SL เติมเต็มความต้องการตลาดกลุ่มสถาบันการศึกษาด้านแฟชั่นดีไซน์และกลุ่มผู้ที่รักการสร้างสรรค์ผลงาน Quilting และ DIY หลังจากไตรมาสแรกปี 64 ได้ส่งจักรปักหัวเดียวขนาด 10 เข็มแบบอัตโนมัติ รุ่น PR-1055X (Entrepreneur ProX)’ ช่วยยกระดับงานปักต่อยอดธุรกิจสู่ตลาดที่ได้รับการตอบรับอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

นางภัทรนิษฐ์ สวัสดีภิรมย์ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์จักรเย็บผ้า บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันภาพรวมการออกแบบแฟชั่นในไทยได้พัฒนาขึ้นอย่างมาก มีทั้งกลุ่มโปรเฟสชันแนล กลุ่มนักออกแบบอิสระ และกลุ่มนิสิตนักศึกษาที่หันมาให้ความสนใจและต่อยอดสู่การสร้างอาชีพในวงกว้างยิ่งขึ้น ทั้งนี้เป็นผลจากกระแสนิยมในหลายประเทศทั่วโลกที่หันมาให้ความสำคัญกับผลงานแฟชั่นดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจนพัฒนาสู่การสร้างแบรนด์ใหม่ๆ ที่แจ้งเกิดในวงการ กระตุ้นให้เกิดการเปิด online marketplace ทั้งในไทยและต่างประเทศ ที่พร้อมจะเป็นพื้นที่ให้แฟชั่นดีไซเนอร์เหล่านี้ได้นำเสนอผลงานสู่กลุ่มผู้ที่ชื่นชอบและนักสะสมได้เลือกซื้อชิ้นงานอันทรงคุณค่าเก็บไว้ในคอลเลคชั่นของตนเอง

“การศึกษาด้านแฟชั่นดีไซน์ในประเทศไทยเติบโตขึ้นมาก ทั้งปัจจัยสนับสนุนของภาครัฐและกระแสนิยมของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการมีอาชีพอิสระและพัฒนาสู่การสร้างแบรนด์ของตนเองให้ได้รับการยอมรับทั้งในและต่างประเทศ โดยภาครัฐมุ่งส่งเสริมให้นักออกแบบไทยสามารถก้าวสู่ระดับสากลในเชิงพาณิชย์ เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศในการเพิ่มมูลค่าสินค้าด้วยการออกแบบ นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นหนึ่งปัจจัยในการขับเคลื่อนธุรกิจและเพิ่มมูลค่าให้กับแบรนด์สินค้าไทย ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจการค้าของประเทศไทยขยายตัวอย่างเข้มแข็ง ส่งผลดีต่อรายได้ของประชาชนจากมูลค่าการส่งออกที่เพิ่มขึ้น โดย บราเดอร์ หนึ่งในแบรนด์จักรเย็บผ้าที่เก่าแก่แบรนด์หนึ่งของโลกที่นำเสนอสินค้าคุณภาพมานานกว่า 100 ปี จึงได้พยายามศึกษาความต้องการของตลาดและเติมเต็มสิ่งที่ขาดอย่างตอบโจทย์ มุ่งเน้นที่จะนำจักรเย็บผ้าที่ครอบคลุมความต้องการและต่อยอดการพัฒนาชิ้นงานให้ได้มาตรฐานสากลนำเสนอสู่นักออกแบบชาวไทยอย่างต่อเนื่องตลอด เพื่อเป็นอีกหนึ่งเฟืองจักรสำคัญที่จะสร้างให้อุตสาหกรรมแฟชั่นดีไซน์ในไทยได้รับการยอมรับในระดับโลกเพิ่มมากขึ้น”  นางภัทรนิษฐ์ กล่าว

ทั้งนี้ บราเดอร์ ได้มีการพัฒนานวัตกรรม Brother Innovation เพื่อมอบประสบการณ์ใหม่ๆ และเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานจักรเย็บผ้าบราเดอร์ โดยจักรเย็บผ้ารุ่น PQ1500SL  ได้มีการพัฒนาการส่งผ้าโดยใช้เข็มเพื่อเอื้อต่อการสร้างสรรค์ชิ้นงานผ้าที่มีลักษณะหนาและฟูรวมถึงผ้าขนสัตว์ชนิดต่างๆ นอกจากนี้ การลดระดับของฟันจักรยังได้รับการพัฒนาให้ปรับได้ง่ายยิ่งขึ้นเพียงกดปุ่มเลื่อนตำแหน่งเท่านั้น และด้วยการพัฒนาให้เป็นได้ทั้งจักรกึ่งอุตสาหกรรมและจักรบ้านแบบหูหิ้ว บราเดอร์จึงได้พัฒนาตัวเครื่องมาพร้อมกับโต๊ะเพิ่มพื้นที่ในการเย็บเพื่อเพิ่มความสะดวกในการทำงาน และ PQ1500SL ยังสามารถพกพาไปใช้งานในที่ต่างๆ ได้ เพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ใช้งานยิ่งขึ้น โดยจำหน่ายในราคา 24,900 บาทสำหรับลูกค้าทั่วไป และราคาพิเศษสำหรับสถาบันการศึกษาด้านการออกแบบแฟชั่น ซึ่งบราเดอร์ จะมีการจัดอบรมให้แก่ผู้ซื้อหรือสถาบันการศึกษาที่สั่งซื้อจักรเย็บผ้ารุ่น PQ1500SL พร้อมบริการหลังการขายที่ให้บริการโดยทีมบราเดอร์ ที่พร้อมรองรับการให้บริการทั่วประเทศ

ส่วนจักรเย็บผ้ารุ่น PR-1055X (Entrepreneur ProX) ได้รับการตอบรับอย่างมากจากกลุ่มธุรกิจรับบริการปักเสื้อ ปักรองเท้า ปักหมวกในเชิงคอร์ปอเรท ที่ปัจจุบันมีความต้องการของตลาดในการสั่งผลิตรูปแบบนี้ค่อนข้างมาก ซึ่งบราเดอร์สามารถตอบโจทย์ได้อย่างลงตัว จำหน่ายในราคา 399,000บาท

“ภาพรวมตลาดจักรเย็บผ้าในปัจจุบันพบว่า ยังมีการเติบโตจากการตอบรับของตลาดที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่องทั้งในแบบผู้ซื้อรายใหม่และผู้ซื้อที่สั่งซื้อเพิ่มเพื่อรองรับการเติบโตทางธุรกิจ ที่สำคัญการซื้อขายชิ้นงานผ่าน online marketplace ก็เติบโตมากขึ้นเช่นกัน ทำให้วันนี้แฟชั่นดีไซเนอร์ของไทยสามารถนำเสนอชิ้นงานสู่ตลาดโลกได้ง่ายยิ่งขึ้นและกระแสตอบรับชิ้นงานของนักออกแบบชาวไทยก็กำลังไปได้ดีมาก บราเดอร์จึงพยายามคัดสรรและพัฒนาสินค้าจักรเย็บผ้าให้เป็นผู้ช่วยที่สมบูรณ์แบบแก่นักออกแบบเหล่านี้ ให้สามารถรังสรรจิตนาการออกมาเป็นชิ้นงานจริงได้ตามต้องการ ช่วยแก้ปัญหาในการตัดเย็บด้วยนวัตกรรม ดังเช่นที่บราเดอร์ทำมากว่า 100 ปีในตลาดจักรเย็บผ้าของโลก” นางภัทรนิษฐ์  กล่าวสรุป

บราเดอร์ ใช้เครื่องพิมพ์ฉลาก ขยายฐานกลุ่ม Home Use

บราเดอร์ เดินหน้าภารกิจสร้างกระแสวัฒนธรรมการใช้เครื่องพิมพ์ฉลากในไทยหลัง WFH ช่วยขยายฐานกลุ่ม Home Use เสริมกลุ่มภาคอุตสาหกรรมและสำนักงาน พร้อมสร้างประสบการณ์ใหม่ด้วย ‘เทป’ คุณภาพที่ครบทั้งดีไซน์และความทนทานเติมเต็มความต้องการด้วยโซลูชันเจาะตลาดเฉพาะกลุ่มได้อย่างลงตัว-

บราเดอร์ สบช่องกระแส WFH ส่งทัพเครื่องพิมพ์ฉลากตอบไลฟ์สไตล์มอบประสบการณ์ใหม่ให้การอยู่บ้านสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น พร้อมพัฒนาอีกขั้นสู่การสร้างวัฒนธรรมใหม่แก่สังคมไทยให้คุณค่าของการจัดหมวดหมู่สิ่งของต่างๆ ให้เป็นระเบียบ เพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารที่ตรงกัน เพิ่มเวลาให้แก่การใช้ชีวิตในแต่ละวันทั้งเรื่องส่วนตัวและโลกของการทำงาน แก้ pain point ตลาดด้วยโซลูชัน ขยายฐานสู่กลุ่ม healthcare และกลุ่ม tattoo ในเมืองไทย

นายณเอก สงศิริ รักษาการผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและการตลาด บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันกระแสนิยมการใช้เครื่องพิมพ์ฉลากในประเทศไทยมีอัตราการเติบโตที่สูงขึ้นอย่างมาก โดยลูกค้าจะประกอบด้วยกลุ่มไลฟ์สไตล์, กลุ่มช่างแขนงต่างๆ, กลุ่มสำนักงาน และกลุ่มโซลูชัน ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้นำเข้าเครื่องพิมพ์ฉลากมานำเสนอสู่มือผู้บริโภคชาวไทยอย่างหลากหลาย ซึ่งครอบคลุมกว่า 90% ของกลุ่มสินค้าเครื่องพิมพ์ฉลากที่ บราเดอร์ มีจำหน่ายอยู่ในตลาดโลก ณ ปัจจุบัน

“วัฒนธรรมและความนิยมในการใช้ฉลากในประเทศไทยถือเป็นการเติบโตที่น่าจับตา บราเดอร์ ในฐานะหนึ่งในผู้นำหลักของผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ พร้อมรองรับการเติบโตในปัจจุบันควบคู่ไปกับการสร้างตลาดกลุ่มใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นอยู่เสมอ ด้วยการนำเสนอโซลูชันที่พร้อมจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวันให้ดำเนินไปได้อย่างถูกต้องแม่นยำ” นายณเอก สงศิริ กล่าว “ความแม่นยำในการสื่อสารไม่เพียงแต่มีคุณค่าในการทำงานเท่านั้น แต่ในชีวิตประจำวัน การใช้ฉลากเป็นตัวเชื่อมให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันก็กำลังเป็นที่นิยมเพิ่มมากขึ้น ทั้งการจัดเอกสารสำคัญภายในบ้าน การจัดอุปกรณ์ครัว เครื่องดื่ม หรือมุมหนังสือ ก็ทำให้เวลาในการดำเนินชีวิตในแต่ละวันมีเพิ่มมากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน”

ทั้งนี้ วัฒนธรรมการใช้ฉลากเข้ามาเสริมในชีวิตการทำงานและชีวิตประจำวันถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์วัตถุประสงค์หลัก 3 ประการ ได้แก่ ช่วยลดความผิดพลาดในการสื่อสารระหว่างกัน, เสริมในเรื่องความปลอดภัย และสร้างมาตรฐานความเข้าใจที่ตรงกัน “บราเดอร์ พยายามขยายขีดความสามารถของผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์ฉลากที่มีอยู่โดยการเพิ่มศักยภาพผ่านทางซอฟต์แวร์ เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าภาคธุรกิจ ด้วยโซลูชันที่พัฒนาขึ้นจาก pain point ของตลาดในปัจจุบัน” นายณเอก สงศิริ กล่าวถึงวิสัยทัศน์ในการขยายตลาดเครื่องพิมพ์ฉลากของบราเดอร์ในไทย “การประเดิมด้วยการเปิดตัว Trackmo ระบบซอฟต์แวร์ตรวจนับทรัพย์สินในองค์กร ผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนในปีที่ผ่านมา นับเป็นก้าวแรกที่ทำให้วันนี้ บราเดอร์ เดินหน้าพัฒนาโซลูชันเพื่อแสวงหากลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ในแบบ niche market เพื่อเพิ่มโอกาสทางการขายให้แก่เหล่าตัวแทนจำหน่ายภายใต้ฐานลูกค้าเดิม รวมถึงขยายสู่กลุ่มตลาดเฉพาะในพื้นที่ใหม่ๆ ได้ด้วยเช่นกัน”

ธุรกิจสักลายผิวหรือ Tattoo ในไทย อีกหนึ่งเป้าหมายที่บราเดอร์มองเห็นโอกาสของการเติบโต “ล่าสุด บราเดอร์ ได้เปิดตัวเครื่องพิมพ์ Tattoo Brother Pocketjet PJ-763MFi เพื่อลดระยะเวลาการทำงานและช่วยเพิ่มความแม่นยำให้แก่ช่างสักลายให้พร้อมส่งมอบผลงานการสักที่สร้างความประทับใจสูงสุดแก่ลูกค้า โดย Brother Pocketjet PJ-763MFi ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะให้แก่เหล่าช่างสักที่ต้องการผลลัพธ์ที่ปราณีตครบในทุกรายละเอียด เพื่อความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า ที่สำคัญสามารถพกพาได้สะดวก เพราะปัจจุบันช่างสักของไทยได้รับการยอมรับในระดับสากล ส่งผลให้ฐานลูกค้าของบรรดาช่างที่มีชื่อเสียงเหล่านี้ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในไทยอีกต่อไป หรือแม้กระทั่งในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 บราเดอร์ก็ได้เผยโฉมโซลูชันการพิมพ์ wristband เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วและแม่นยำในการจำแนกประเภทผู้ป่วยแต่ละกลุ่มได้อย่างถูกต้องด้วย wristband ต่างสีและต่างขนาด ซึ่งถือเป็นการขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่ม healthcare ในประเทศไทย” นายณเอก กล่าวเสริม

ความโดดเด่นของ บราเดอร์ ในธุรกิจเครื่องพิมพ์ฉลากนั้นนอกจากจะครบครันด้านฟังก์ชันการทำงานที่มาพร้อมการดีไซน์ที่โดดเด่นแล้ว  การพัฒนานวัตกรรมวัสดุสิ้นเปลืองอย่างเทปสำหรับพิมพ์ฉลากหรือลอกลายก็เป็นสิ่งที่บราเดอร์ให้ความสำคัญไม่แพ้กัน “บราเดอร์ทำการสื่อสารเกี่ยวกับประสิทธิภาพของเทปอย่างต่อเนื่อง โดยนำเสนอให้ผู้บริโภคเห็นถึงข้อแตกต่างระหว่างเทปของแท้จากบราเดอร์และของเทียบเท่าว่าให้ผลลัพธ์ของงานที่แตกต่างกันใน 5 มิติ ประกอบด้วย การทนต่อน้ำและความชื้น, การทนความร้อนและความเย็น, ความคงทนของสีแม้เวลาผ่านไป, การทนต่อรอยขีดข่วนต่างๆ และที่สำคัญยังทนต่อสารเคมีอีกด้วย” นายณเอก กล่าวสรุป

ชวนมาฟินกับ บราเดอร์ เย็บปักถักร้อง

ชุดเครื่องเสียงคาราโอเกะ ‘บีเอ็มบี (BMB)’ ควงแขนจักรเย็บผ้าบราเดอร์ ชวนสร้างประสบการณ์ใหม่ช่วง WFH กับดีลพิเศษ ‘บราเดอร์เย็บปักถักร้อง’ เมื่อซื้อ BMB ชุด Advance ในราคาพิเศษเพียง 29,500 บาท จากราคาปกติ 32,900 บาท รับฟรี! จักรเย็บผ้าบราเดอร์รุ่น JK17B มูลค่า 4,990 บาท แถมอิ่มท้องด้วย Grab Food E-voucher มูลค่า 1,000 บาทที่บราเดอร์มอบให้แบบไม่กั๊ก ห้ามพลาด! วันนี้ – 31 ก.ค. 64 เท่านั้น ช้อปกันได้ที่ Brother Official Store ผ่านทาง Shopee (https://bit.ly/BMBSewFBBMB1SHPAdC) และ Lazada (https://bit.ly/BMBSewFBBMB1LZDAdC) และ บริษัท กาญจนกิตติ์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด หรือ Okmaxwork (https://bit.ly/BMBSewFBBMBOKMaxC)

บราเดอร์ ชี้ โควิด-19! โจทย์หินธุรกิจไอทีไทย ‘รอดไม่รอด’

บราเดอร์ พร้อมรับมือโควิด-19 ระลอกใหม่ เผยเทรนด์ WFH และการเรียนการสอนแบบออนไลน์หนุนธุรกิจเครื่องพิมพ์ขยายตัวต่อเนื่อง เดินหน้าพัฒนาศักยภาพทีมงานพร้อมก้าวต่อไปให้ดียิ่งกว่าหากวิกฤติเริ่มคลี่คลาย  มั่นใจหากแผนการกระจายวัคซีนของภาครัฐเป็นไปตามเป้า จะส่งผลให้ 3 เส้นเลือดหลัก ‘ส่งออก-ท่องเที่ยว-การบริโภคภายในประเทศ’ กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยเพิ่มเม็ดเงินสู่ระบบเศรษฐกิจไทยและภาคธุรกิจไอที

นายธีรวุธ ศุภพันธุ์ภิญโญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจของไทยมาตั้งแต่ปี 2563 แม้ภาครัฐพยายามจะกระตุ้นด้วยการอัดฉีดเม็ดเงินสู่ระบบเพื่อเพิ่มกำลังซื้อภายในประเทศ แต่เมื่อวิกฤติโควิด-19 ยังยืดเยื้อ ก็ถือเป็นความท้าทายที่ยากในการรับมือ ทั้งนี้ หากเศรษฐกิจจะกลับมาเดินหน้าได้ 3 กลไกหลัก ประกอบด้วย อุตสาหกรรมการส่งออก, อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และความแข็งแกร่งของกำลังซื้อในประเทศต้องเริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัว แต่ปัจจุบันมีเพียงกลุ่มอุตสาหกรรมการส่งออกที่เริ่มมีการขับเคลื่อนได้เป็นผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในหลายประเทศที่เริ่มจัดการกับผลกระทบจากโควิด-19 ได้ดีขึ้น อาทิ อเมริกา จีน และประเทศในทวีปยุโรป ด้านความพยายามส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวด้วยการพัฒนาโมเดลภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เพื่อหวังกระจายโมเดลดังกล่าวไปตามจังหวัดหลักด้านการท่องเที่ยวก็อาจไม่คึกคักอย่างที่คาด รวมถึงการอัดเม็ดเงินสู่ระบบเพื่อกระตุ้นการจับจ่ายในประเทศครั้งใหม่นี้ ก็ยังไม่สามารถส่งผลได้อย่างชัดเจน ซึ่งต่างจากการจัดแคมเปญช้อปดีมีคืนที่สร้างความคึกคักให้แก่ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วงปลายปีที่ผ่านมา หากภาครัฐนำแคมเปญดังกล่าวกลับมาใช้อีกครั้งในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ ก็น่าจะช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศได้อย่างดี

เศรษฐกิจในภาพใหญ่และธุรกิจไอทีของไทย จะกลับมาเดินต่อได้อย่างมีเสถียรภาพ แผนการกระจายวัคซีนของภาครัฐต้องทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้เพื่อคืนความเชื่อมั่นให้แก่ทุกภาคส่วน” นายธีรวุธ กล่าวแสดงความเห็น “แม้ธุรกิจไอทีจะมีข้อได้เปรียบจากกระแส Work from Home และการเรียนออนไลน์ ที่ทำให้ความต้องการในตลาดขยายตัวในช่วงสถานการณ์โควิด-19    เห็นได้จากการเติบโตในกลุ่มลูกค้า home use ของบราเดอร์ แต่สิ่งที่ต้องบริหารจัดการและวางแผนอย่างรอบคอบคือ แผนการผลิตและการจัดหาชิ้นส่วนให้เพียงพอต่อการผลิต รวมทั้งเตรียมการณ์ล่วงหน้าในกรณีเกิดการล็อกดาวน์ในบริเวณโรงงานเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการขาดแคลนสินค้าเพื่อป้อนสู่ตลาด ที่ผ่านมาหลายๆธุรกิจ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมไอทีต้องเผชิญกับปัญหาโรงงานไม่สามารถผลิตสินค้าได้เพียงพอต่อความต้องการของตลาด แต่เชื่อว่าภายในสิ้นปี 2564 จะสามารถปรับสู่ภาวะสมดุลระหว่างดีมานด์และซัพพลายได้อีกครั้ง

ทั้งนี้ นายธีรวุธ ยังกล่าวถึงแผนการปรับตัวของ บราเดอร์ ว่า บริษัทฯ มีการปรับแผนธุรกิจอย่างเหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา  ให้ความสำคัญต่อการบริหารค่าใช้จ่ายภายในองค์กรเพื่อบริหารต้นทุน และการเสริมศักยภาพการทำงานของบุคลากรรวมถึงปรับกระบวนการทำงานภายในและปรับองค์กรเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการทำงาน คิดค้นวิธีการทำตลาดใหม่ เพื่อให้พร้อมเดินต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อสถานการณ์โควิด-19 เริ่มดีขึ้น เพราะถ้ารอให้เศรษฐกิจเริ่มฟื้นแล้วค่อยปรับตัวก็ช้าไปแล้ว

ส่งเครื่องพิมพ์บราเดอร์ กู้วิกฤติ COVID-19

บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย นายธีรวุธ ศุภพันธุ์ภิญโญ กรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและพนักงานบราเดอร์ เดินหน้าผนึกกำลังทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย กรมแพทย์ทหารอากาศ เดอะมอลล์ กรุ๊ป สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) และเพจหมอแล็บแพนด้า ร่วมต้านภัย COVID-19 ในประเทศไทยอย่างเต็มกำลัง ด้วยการส่งมอบเครื่องพิมพ์บราเดอร์เพื่อใช้ในกิจกรรมของศูนย์แพทย์สนามและศูนย์ฉีดวัคซีนต่างๆ เพื่อร่วมหยุดการแพร่ระบาดและสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย พร้อมมอบทุนสนับสนุนเพื่อพัฒนา SWAB MOBILE UNIT รถตู้ตรวจเชื้อโรคแบบความดันบวก เพื่อใช้งานในการตรวจหาเชื้อโรคโควิด-19 ในแบบเชิงรุกตามชุมชนต่างๆ ของกรุงเทพมหานคร พร้อมร่วมบริจาคเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในการดำรงซีวิตให้แก่กลุ่มคลัสเตอร์เฝ้าระวังในพื้นที่กรุงเทพมหานคร

บราเดอร์ เดินหน้านโยบาย Environmental Vision 2050

บราเดอร์ พัฒนานโยบายขานรับแผนการพัฒนาโลกเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Development Goals –SDGs) ที่ริเริ่มโดยสหประชาชาติ โดยมุ่งเน้นใน 3 ส่วนหลักๆ ประกอบด้วย เพิ่มการหมุนเวียนทรัพยากรสูงสุด ส่งเสริมสังคมที่ไร้คาร์บอนไดอ๊อกไซด์ และผลลัพธ์สุทธิที่เป็นบวกในระบบนิเวศน์ ผ่านนโยบาย Environmental Vision 2050 ที่พร้อมขับเคลื่อนโดยบราเดอร์ทั่วโลก

นายพรภัค อุไพศิลป์สถาพร ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการเงินและบริหาร บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบัน “ภาวะโลกร้อน” และ “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” ถือเป็นปัญหาระดับโลกที่สร้างผลกระทบอย่างมากต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์ ดังนั้น นโยบายการขับเคลื่อนเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมจึงถือเป็นหนึ่งภารกิจหลักที่ บราเดอร์ ให้ความสำคัญและดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ นโยบายด้านการลดปริมาณ “ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ CO2” ที่เป็นสาเหตุหลัก โดยในปีงบประมาณ 2022 บราเดอร์ ได้กำหนดทิศทางและแผนการดำเนินงานภายใต้นโยบายหลักของกลุ่มบริษัท บราเดอร์ชื่อ Environmental Vision 2050 ต่อยอดจากการลดปริมาณ CO2 ด้วยการเพิ่มนโยบายใน 3 ด้าน ประกอบด้วย Maximize Resource Circulation หรือการบริหารจัดการทรัพยากรโดยเน้นการ reuse และ recycle มากกว่าการใช้ทรัพยากรใหม่ๆ ในการขับเคลื่อนกลไกทางธุรกิจ, Positive Net Gain for Biodiversity หรือการเสริมสร้างความหลากหลายทางชีวภาพและรักษาระบบนิเวศน์ทางธรรมชาติ และ Contribution for Decarbonized Society หรือห่วงโซ่กระบวนการการผลิตที่ไม่ก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ที่จะมีผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

นโยบาย Environmental Vision 2050 ถูกกำหนดแผนการดำเนินงานออกเป็น 2 ระยะ คือ ระยะแรกเริ่มจากปีงบประมาณ 2021 ถึง 2030 ที่สอดคล้องกับเป้าหมายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals –SDGs) ของสหประชาชาติ โดยเป็นระยะปรับตัวเตรียมความพร้อมเพื่อก้าวสู่ระยะ ดำเนินงานจริงในช่วงปีงบประมาณ 2031 ถึง 2050 ในระยะแรกนั้น บราเดอร์ ตั้งเป้าลดปริมาณ “ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ CO2” ให้ได้ถึง 30% ด้วยการดำเนินการภายในองค์กรตลอดจนส่งเสริมภาคสังคมในด้านต่างๆ ที่มีบทบาทในการช่วยลด CO2 ด้วยเช่นกัน พร้อมทั้งสนับสนุนให้ บราเดอร์ ทั่วโลกเดินหน้าสร้างสรรค์กิจกรรมเพื่อรักษาระบบนิเวศน์ทางธรรมชาติดังเช่นที่ บราเดอร์ ประเทศไทย ได้ดำเนินโครงการบราเดอร์อาสาอนุรักษ์และฟื้นฟูธรรมชาติป่าชายเลนเพื่อฟื้นฟูธรรมชาติอย่างยั่งยืนที่ได้ทำมาอย่างต่อเนื่องตลอด 12 ปีที่ผ่านมา เพื่อตอบสนองนโยบายด้าน Positive Net Gain for Biodiversity ส่วนด้าน Maximize Resource Circulation จะเริ่มเดินหน้าลดการใช้ทรัพยากรใหม่ๆ และมุ่งเน้นด้าน Reuse และ Recycle เป็นหลัก” นายพรภัค อธิบายถึงรายละเอียดของนโยบาย Environmental Vision 2050

บราเดอร์ เชื่อว่าการสร้างสรรค์โลกใบนี้ให้เป็นโลกที่น่าอยู่อย่างยั่งยืนและพร้อมเป็นบ้านของมนุษยชาติจากปัจจุบันสู่อนาคตนั้น ไม่สามารถทำได้เพียงแค่ใครคนใดคนหนึ่ง หากแต่ต้องได้รับพลังความร่วมมือจากสังคมทุกสังคมบนโลกใบนี้ ร่วมสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม ปลูกฝังให้คนในรุ่นต่อๆ ไปเข้าใจและเรียนรู้ที่จะอยู่กับธรรมชาติอย่างสมดุลเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี” นายพรภัค กล่าวถึงเป้าหมายของนโยบาย Environmental Vision 2050 “แม้ปี 2050 อาจมองว่ายังห่างไกล แต่บราเดอร์เชื่อว่าหากเราไม่เริ่มในวันนี้ อาจสายเกินไปที่จะเริ่มภารกิจที่สำคัญดังกล่าว  เพราะการปลูกฝังเรื่องจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมนั้นต้องอาศัยเวลา

สำหรับการดำเนินงานเพื่อสนองตอบนโยบาย Environmental Vision 2050 ของ บราเดอร์ ประเทศไทยนั้น นายพรภัค กล่าวเสริมว่า บราเดอร์จะเดินหน้าสานต่อกิจกรรมต่างๆ ที่ได้ทำมาแล้ว เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นควบคู่ไปกับการเดินหน้าเพื่อก้าวสู่การเป็น Green Office โดยมุ่งไปที่การลดปริมาณ CO2 และลดปริมาณขยะในสำนักงานผสานการต่อยอดสู่นโยบาย Maximize Resource Circulation ด้วยการมุ่งเน้นด้าน Reuse และ Recycle ผ่านโครงการ Ecobricks ที่รณรงค์ให้พนักงานนำเศษขยะชิ้นเล็กๆ ที่ไม่สามารถ    รีไซเคิลได้ เช่น ถุงพลาสติก ซองขนม หลอด มาอัดให้แน่นในขวดพลาสติก โดยต้องเป็นชิ้นส่วนไม่เปียก ไม่เน่า เพื่อใช้เป็นวัสดุในการก่อสร้างแทนอิฐสำหรับสร้างกำแพงของสถานศึกษา หรือห้องสมุดให้แก่ชุมชนพื้นที่ชายขอบใน จ.กาญจนบุรีต่อไป โดยบราเดอร์จะส่งทีมพนักงานอาสาสมัครเดินทางไปร่วมสร้างกำแพงในครั้งนี้ด้วย