Home หน้าแรก STGT โชว์ Q2 ทำรายได้รวม 12,967.7 ล้าน

STGT โชว์ Q2 ทำรายได้รวม 12,967.7 ล้าน

1255
จริญญา จิโรจน์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT

บมจ. ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) หรือ STGT โชว์ผลประกอบการไตรมาส 2/2564 ทำรายได้รวม 12,967.7 ล้านบาท หนุนภาพรวมรายได้ครึ่งปีแรกโดดเด่น แม้ปิดโรงงานตรังและสุราษฎร์ธานีชั่วคราวหลังพบพนักงานติด COVID-19 จากการปรับแผนรองรับอย่างรวดเร็ว ด้านบอร์ดมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล อัตราหุ้นละ 1.25 บาท เตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 23 สิงหาคมนี้ พร้อมจ่ายปันผลอีกไม่น้อยกว่า 1.25 บาทต่อหุ้น ในเดือนธันวาคม ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานครึ่งปีหลัง คาดรับผลดีจากความสามารถผลิตสินค้าที่เพิ่มขึ้น หลังเปิดโรงงานสุราษฎร์ธานี 2 และสุราษฎร์ธานี 3 แล้ว เตรียมทยอยเปิดโรงงานอีก 2 แห่งในจังหวัดตรังและอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ตามแผน

นางสาวจริญญา จิโรจน์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายถุงมือยางธรรมชาติและถุงมือยางไนไตรล์รายใหญ่ของโลก เปิดเผยว่า บริษัทฯ สามารถทำผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2564 เติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้มีการปิดโรงงานตรังและโรงงานสุราษฎร์ธานีชั่วคราวในช่วงก่อนหน้านี้เนื่องจากพบพนักงานติด COVID-19 โดยมีรายได้รวม 12,967.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 164.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 7,280.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 590.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

จากผลการดำเนินงานดังกล่าว ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทฯ จึงมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2564 ในอัตราหุ้นละ 1.25 บาท เตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 23 สิงหาคมนี้ และจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 7 กันยายน 2564 และอีกไม่น้อยกว่า 1.25 บาทต่อหุ้น ที่จะจ่ายในเดือนธันวาคม ภายหลังการอนุมัติงบไตรมาส 3/2564 ด้วยเช่นกัน

ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 2564 ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้รวม 28,401.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 227.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 17,331.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,068.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความต้องการใช้ถุงมือยางในตลาดโลกที่มีอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่จากไวรัสกลายพันธุ์ และใช้เพื่อการฉีดวัคซีน ประกอบกับบริษัทฯ ได้เดินเครื่องจักรโรงงานสุราษฎร์ธานี 2 เป็นที่เรียบร้อย ส่งผลดีต่อกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น

กรรมการผู้จัดการใหญ่ STGT กล่าวต่อว่า สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังจะได้รับผลดีจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น โดยในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผานมาได้เดินเครื่องจักรโรงงานสุราษฎร์ธานี 3 เป็นที่เรียบร้อย และจะทยอยเดินเครื่องจักรโรงงานใหม่อีก 2 แห่ง ได้แก่ โรงงานในอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา และโรงงานตรัง ภายในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ สามารถผลิตถุงมือยางเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 36,000 ล้านชิ้นต่อปี จากเดิม 33,000 ล้านชิ้นต่อปี

ทั้งนี้ บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงาน โดยการจัดหาวัคซีนทางเลือกซิโนฟาร์มแก่พนักงานทุกคน ความคืบหน้าล่าสุดได้ฉีดวัคซีนทางเลือกดังกล่าวแก่พนักงานครบ 2 เข็มทุกคนแล้ว และได้เพิ่มมาตรการด้านสุขอนามัยภายในโรงงานร่วมกันไปด้วย