คุณธีรวุธ ศุภพันธุ์ภิญโญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา บราเดอร์ มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 6% และคาดว่าจะมีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มสูงขึ้นภายหลังจากที่ไทยเริ่มดำเนินการเปิดประเทศตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ทำให้เม็ดเงินเกิดการไหลเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการกลับมาของกำลังซื้อทั้งในและต่างประเทศซึ่งส่งผลดีให้แก่ธุรกิจไอทีด้วยเช่นกัน เพราะกำลังซื้อมีความมั่นใจและกล้าที่จะจับจ่ายยิ่งขึ้น ปัจจุบัน บราเดอร์มีฐานลูกค้าหลักรวม 3 กลุ่ม โดย 50% เป็นกลุ่มธุรกิจ SME, 30% เป็นกลุ่มลูกค้าองค์กร (Corporate) และ 20% เป็นกลุ่มลูกค้าครัวเรือน (Home use) โดยช่วง COVID-19 บราเดอร์สามารถสร้างความแข็งแกร่งในกลุ่มลูกค้าครัวเรือนเพิ่มมากขึ้นจากไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปสู่การทำงานแบบ work from home และการเรียนผ่านระบบออนไลน์
สำหรับกลุ่มธุรกิจไอที ปัจจุบันพบว่าความต้องการในตลาดยังมีสูงกว่าซัพพลายอยู่พอสมควร เนื่องจากปัญหาเรื่องการขาดแคลนชิ้นส่วนในการผลิตซึ่งส่งผลโดยรวมต่อทั้งอุตสาหกรรมไอทีและอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่จำเป็นต้องใช้ชิ้นส่วนดังกล่าว โดยคาดการณ์ว่าตลาดจะกลับเข้าสู่ดุลยภาพได้เร็วสุดประมาณกลางถึงปลายปี 2565 จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้บราเดอร์ปรับกลยุทธ์ทางการตลาด หันมาเพิ่มยอดขายในกลุ่มผลิตภัณฑ์ non-print ทั้งเครื่องพิมพ์ผ้า เครื่องพิมพ์ฉลาก จักรเย็บผ้า ฯลฯ และที่ถือเป็นกลยุทธ์ใหม่ที่ต้องการมุ่งเน้นคือการเพิ่มยอดขายในกลุ่มวัสดุการพิมพ์ (Consumable)